เปิดมาต้นปี2020 ตลาดคริปโตดูจะเริ่มคึกคักปนกับน่าหวาดเสียว คงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ (แต่ยังไม่สามารถขึ้นไปเท่าจุดสูงสุดปีก่อนได้ที่ราวๆ 14,000 ดอลลาร์) จะพลิกเป็นมหาเศรษฐีหรือยาจก ก็ว่ากันเป็นรายวินาที ไม่ต้องลุ้นถึงข้ามคืน
"บิตคอยน์" อาจจะเป็นเหมือนตัวแทนของโลกคริปโตเคอร์เรนซี ด้วยส่วนหนึ่งคือเหรียญแรกของโลกและจวบจนตอนนี้ ก็ยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่าครึ่งของเหรียญทั้งหมดบนโลกใบนี้ ที่มีถึง 5,000 เหรียญ มากกว่าหุ้นในตลาดเสียอีกที่ตอนนี้มีประมาณ 700 ตัว
มูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ของคริปโตเคอร์เรนซีโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 235 พันล้านเหรียญสหรัฐ และส่วนแบ่งการตลาดของบิตคอยน์ (Bitcoin) อยู่ที่ประมาณ 66%
เลดี้ฯ จะพาไปดูว่านอกจาก บิตคอยน์แล้ว มีเหรียญอะไรอีกบ้างที่อยู่ลำดับรองๆ ลงมาโดยจะคัดมา 10 อันดับแรกจากเว็บไซต์ Coinmarketcap ซึ่งเหรียญเหล่านี้ อย่างน้อยก็บ่งบอกได้ว่า เป็นเหรียญยอดนิยม
ดังนั้น ถ้าเราจะซื้อ ถือ ขาย เหรียญยอดนิยม ก็ย่อมมีสภาพคล่องดีกว่านั่นเอง ถ้าเทียบกับหุ้น ก็คือหุ้นบิ๊กแคป อย่าง PTT ,CPALL ,CPF ,ADVANC, KBANK และ SCB แบบนี้ เป็นต้น
ชื่อ มูลค่าตามราคาตลาด*
1. Bitcoin $156,073,245,067
2. Ethereum $18,055,276,927
3. XRP $10,067,633,408
4. Bitcoin Cash $6,188,115,469
5. Bitcoin SV $5,195,444,959
6. Tether $4,642,027,840
7. Litecoin $3,624,237,591
8. EOS $3,400,020,750
9. Binance Coin $2,697,360,147
10. Stellar $1,212,278,396
*ณ วันที่ 23 มกราคม 2020
สกุลเงินดิจิทัลยี่ห้อแรกที่ทุกคนรู้จักและคุ้นหูมากที่สุด เป็นราชาแห่งคริปโตเคอร์เรนซี ที่สำคัญเป็นเหรียญที่มีราคาแพงที่สุด เมื่อเทียบกับเหรียญอื่นๆ เพราะราคา 1 บิตคอยน์ ในปัจจุบัน คุณอาจจะซื้อรถยนต์มือสองได้ 1 คัน
เหรียญคริปโต ETH เป็นเหรียญบนบล็อกเชนอีเธอเรียม ซึ่งบล็อกเชนอีเธอเรียม มีจุดเด่นคือ Smart Contract หรือ สัญญาที่เขียนขึ้นตามเงื่อนไขต่างๆ ในรูปแบบโค้ดคอมพิวเตอร์ ต่อมาเหรียญคริปโตหรือโทเคนต่างๆ ที่เกิดในตอนหลังมากมาย ก็ใช้แพลตฟอร์มบล็อกเชนอีเธอเรียม
XRP เป็นเหรียญดิจิทัลของบริษัทริปเปิล ซึ่งริปเปิลคือบริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ที่สร้างระบบโอนเงินระหว่างประเทศแบบอัตโนมัติ โดยสามารถโอนเงินข้ามประเทศได้ภายใน 40 วินาที บริการแก่ลูกค้าองค์กร นอกจากนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ยังได้เข้าไปลงทุนในบริษัทนี้ด้วย
เป็นเหรียญที่แยกตัวออกมาจาก บิตคอยน์ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2560 ด้วยการเพิ่มขนาดบล็อกเป็น 8MB ทำให้ทำธุรกรรมได้มากขึ้น เร็วขึ้น จากเดิมที่ "บิตคอยน์" ยังมีความล่าช้าในการทำธุรกรรม เพราะขนาดบล็อกจำกัดแค่ 1MB
เป็นสกุลเงินที่แยกออกมาจาก Bitcoin Cash เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งในวงการเรียกว่า การ Hard Fork
USDT เป็นสเตเบิ้ลคอยน์หรือเหรียญคริปโตที่ตรึงมูลค่าไว้กับสินทรัพย์ที่ผันผวนต่ำ ทำให้มูลค่าค่อนข้างนิ่ง ซึ่ง USDT มีมูลค่าตรึงอยู่กับดอลลาร์ในอัตรา 1USDT :1 USDโดยแนวคิดของ USDT คือการเป็นดอลลาร์ดิจิทัล
จะมีความคล้ายกับ บิตคอยน์ เพราะสร้างขึ้นตามโปรโตคอลบิตคอยน์ และสามารถขุด หรือ mining ได้เช่นกัน แต่จะใช้อัลกอริทึม Scrypt ส่วนของบิตคอยน์ใช้ SHA-256
มีความคล้ายกับ Ethereum คือเป็นแพลตฟอร์มแบบกระจายอำนาจ โดยมี Smart Contract เปิดให้คนมาใช้แพลตฟอร์ม EOS สร้างแอปบนบล็อกเชนได้
เป็นเหรียญที่สร้างโดยกระดานเทรดระดับโลกอย่าง Binance เพื่อใช้ในระบบนิเวศของ Binance เช่น ใช้เป็นส่วนลดค่าธรรมเนียมในการเทรด หรือการซื้อเหรียญ IEO เป็นต้น
XLM เป็นคริปโตในเครือข่ายบล็อกเชนของ Stellar ก่อตั้งโดย Jed McCaleb ในปี 2557 ซึ่ง Jed McCaleb เป็นผู้ร่วมก่อตั้งริปเปิลและยังเป็นผู้ก่อตั้งเว็บเทรดคริปโต MtGox
*ปล.ลำดับอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอด แต่ บิตคอยน์ ลำดับจะนิ่งมากที่สุด
หน้าที่เข้าชม | 17,183 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 14,632 ครั้ง |
เปิดร้าน | 6 มิ.ย. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |