เหรียญคริปโต (Cryptocurrency) คือสกุลเงินดิจิทัลที่มีการเข้ารหัส ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมูลค่าผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยมีลักษณะเป็นสกุลเงินเสมือน (Virtual Currency) เพราะคุณจะไม่สามารถจับต้องได้ ซึ่งเหรียญ Crypto จะทำงานบนระบบบล็อกเชน (Blockchain) ที่เป็นเทคโนโลยีกระจายศูนย์ (Distributed Leader Technology) เพื่อให้ทุกคนในเครือข่ายสามารถรับรู้การเข้ารหัสและร่วมกันรับรองความถูกต้องเมื่อทำธุรกรรมได้ จึงทำให้เกิดความโปร่งใสและน่าเชื่อถือค่ะ
ปัจจุบันเหรียญ Crypto เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลาย เพราะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเก็บสะสม ซื้อและขายเพื่อทำกำไร นอกจากนี้ คุณยังสามารถนำไปชำระค่าสินค้าหรือบริการผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้อีกด้วย ส่วนเหรียญที่เราคุ้นเคยกันดี คงหนีไม่พ้นบิทคอยน์ (Bitcoin) แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังมีเหรียญ Crypto สกุลอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้น ตามมาชมในหัวข้อถัดไปกันเลยค่ะ
ลำดับต่อไป เรามาดูวิธีการเลือกเหรียญ Crypto กันดีกว่าค่ะ เพื่อให้คุณสามารถเลือกเหรียญที่เหมาะสมกับสไตล์การลงทุนและตอบโจทย์การนำไปใช้ประโยชน์ของคุณได้ โดยเราขอแนะนำให้พิจารณาตามปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
เป็นที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันมีเหรียญ Crypto ให้เลือกมากมาย ซึ่งแต่ละเหรียญก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป เราจึงขอยกตัวอย่างจากเหรียญ Crypto ยอดนิยม ซึ่งจะมีเหรียญไหนน่าสนใจบ้าง มาชมพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
เริ่มต้นกันที่ บิทคอยน์ (Bitcoin) หรือ BTC เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกพัฒนาออกมาเป็นเหรียญแรกของโลก ผู้ก่อตั้งใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto ซึ่งเปิดตัวในระบบบล็อกเชน (Blockchain) เมื่อปี 2009 ส่วนวิธีการได้บิทคอยน์มาครอบครองนั้น แบ่งออกเป็น 2 วิธี ได้แก่ การขุดเหรียญใหม่ด้วยคอมพิวเตอร์ (Mining) และการซื้อขาย (Trading) ซึ่งราคาของบิทคอยน์ในปัจจุบันก็มีมูลค่าสูงสุดตามราคาตลาด โดย 1 BTC มีค่ากว่า 2 ล้านบาทแล้ว จึงเป็นเหรียญที่ใคร ๆ ต่างให้ความสนใจนั่นเองค่ะ
อีเธอร์เลียม (Ethereum) หรือ ETH เป็นอีกเหรียญที่ทำงานบนระบบบล็อกเชน ซึ่งถูกพัฒนาโดยชาวรัสเซียชื่อ Vitalik Buterin ในปี 2015 จุดเด่นคือ มีรูปแบบเป็น Open Source ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานเข้ามาพัฒนาได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด อีกทั้งยังมีระบบ Smart Contract ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลายธุรกิจ เช่น การชำระค่าบัตรเครดิต, การเช่ารถยนต์ และการโอนเงินข้ามประเทศ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันอีเธอร์เลียมก็มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงเป็นอันดับ 2 รองจากบิทคอยน์ค่ะ
สำหรับเหรียญริปเปิล (Ripple) มีสัญลักษณ์คือ XRP ถูกสร้างขึ้นโดย Jed McCaleb ในปี 2012 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นสื่อกลางในการทำ Settlement ระหว่างธนาคารหรือสถาบันการเงินทั่วโลก โดยมีระบบที่เป็นแบบ Private Blockchain ซึ่งจะมีเพียงธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกเท่านั้นที่สามารถยืนยันการทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้ โดยเทคโนโลยีของระบบนี้ช่วยลดระยะเวลาและประหยัดค่าใช้จ่ายในการโอนเงินข้ามประเทศ จึงเป็นอีกหนึ่งเหรียญที่ได้รับความนิยมค่ะ
โพลกาดอท (Polkadot) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า DOT เป็นสกุลเงินดิจิทัลน้องใหม่ที่เปิดตัวเมื่อปี 2020 โดย Gavin Wood ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งเหรียญอีเธอร์เลียม เหรียญนี้ถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิด Connecting the Dots เพื่อเชื่อมต่อบล็อกเชนแต่ละเครือข่าย เพื่อแก้ไขปัญหาด้าน Scaling จึงทำให้สามารถส่งข้อมูลภายได้พร้อมกัน ช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการทำธุรกรรม จึงทำให้เหรียญโพลกาดอทเป็นที่นิยม ซึ่งปัจจุบันก็ขึ้นแท่นเป็นเหรียญอันดับต้น ๆ ตามมูลค่าตลาดด้วยค่ะ
บิทคอยน์แคช (Bitcoin Cash) หรือ BCH เพียงแค่ชื่อก็พอจะเดาได้แล้วว่า เหรียญนี้ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากบิทคอยน์ ซึ่งประสบความสำเร็จในปี 2017 โดยใช้วิธีการ Hard Fork หรือแบ่งเครือข่าย ทำให้เป็นอิสระจากกัน อีกทั้งยังได้เพิ่มขนาดบล็อกจากเดิมที่บิทคอยน์มีแค่ 1 MB แต่บิทคอยน์แคชมีมากถึง 8 MB เพื่อให้สามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังมีศักยภาพด้านการเป็นศูนย์กลางการใช้จ่าย เพราะมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าบิทคอยน์ค่ะ
เหรียญรูปน้องชิบะขวัญใจมหาชนเหรียญนี้มีชื่อว่า โดจคอยน์ (Dogecoin) หรือ DOGE ถูกพัฒนาขึ้นในปี 2013 โดย Jackson Palmer และ Billy Markus ซึ่งทั้งสองได้ใช้นามแฝงว่า Shibetoshi Nakamoto เพื่อให้ล้อกับชื่อของผู้สร้างบิทคอยน์ แม้ว่าจุดประสงค์ของเหรียญนี้จะสร้างขึ้นมาเพื่อความสนุกสนาน โดยมีแรงบันดาลใจมาจากมีม (Meme) สุนัขพันธุ์ชิบะที่โด่งดังบนโลกโซเชียล แต่กลับสามารถระดมทุนได้มากกว่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปัจจุบันก็มีฐานแฟนคลับทั่วโลกเป็นจำนวนมากด้วยค่ะ
นอกจากนี้ เราขอแนะนำให้คุณพิจารณาข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย อย่างมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) เพราะเป็นวิธีการหนึ่งในการจัดอันดับขนาดของสกุลเงินดิจิทัล โดยจะเปรียบเทียบจากราคาและอุปทานหมุนเวียน ซึ่งหากเหรียญใดมีมูลค่าตามราคาตลาดสูง นั่นก็หมายความว่าเหรียญนั้นเป็นมีนักลงทุนจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้น คุณควรศึกษาการนำเหรียญไปใช้ประโยชน์ด้วย เนื่องจากเหรียญ Crypto แต่ละเหรียญสามารถนำไปใช้งานได้แตกต่างกัน เช่น การซื้อเก็บสะสม, การเทรดเพื่อเก็งกำไร และการชำระสินค้าหรือบริการ เป็นต้น
หน้าที่เข้าชม | 17,180 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 14,629 ครั้ง |
เปิดร้าน | 6 มิ.ย. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |